วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปิดการแจ้งเตือนให้อัพเดตใน IDM


         หลายคนคงรำคาญกันใช่ไหมครับ โปรแกรม IDM ชอบขึ้นแจ้งเตือนให้อัพเดต ถ้าเผลอไปกดอัพเดตขึ้นมา โปรแกรม IDM ก็จะตรวจพบว่าเราใช้เวอร์ชั่นปลอม ทำให้ไม่สามารถใช้งานโปรแกรม
วันนี้ผมมีวิธีการปิดการแจ้งเตือนการอัพเดตของ IDM มาฝากทุกคน มี 2 วิธีครับ

วิธีที่ 1
ให้ไปเพิ่ม IP Address ของ name server เข้าไปในไฟล์ hosts การเข้าไปแก้ไขไฟล์ hosts เข้าไปตามเส้นทางนี้เลยครับ C:\windows\system32\drivers\etc\hosts แล้วเปิดไฟล์ด้วย Notepad หรือพิมพ์คำสั่ง notepad %SystemRoot%\system32\drivers\etc\hosts ในช่อง Run แล้วทำการพิมพ์คำสั่งด้านล่างต่อท้ายลงไปในไฟล์ hosts เสร็จแล้วทำการ Save

127.0.0.1 tonec.com
127.0.0.1 www.tonec.com
127.0.0.1 registeridm.com
127.0.0.1 www.registeridm.com
127.0.0.1 secure.registeridm.com
127.0.0.1 internetdownloadmanager.com
127.0.0.1 www.internetdownloadmanager.com
127.0.0.1 secure.internetdownloadmanager.com
127.0.0.1 mirror.internetdownloadmanager.com
127.0.0.1 mirror2.internetdownloadmanager.com
127.0.0.1 mirror3.internetdownloadmanager.com

วิธีที่ 2
เปิด Notepad ขึ้นมา พิมพ์คำสั่งด้านล่างลงไป แล้วเซฟเป็นนามสกุล *.bat เสร็จแล้วรันไฟล์นั้นขึ้นมา แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ

@ echo off
color c
IF "%OS%"=="Windows_NT" (
SET HOSTFILE=%windir%\system32\drivers\etc\hosts
) ELSE (
SET HOSTFILE=%windir%\hosts
)

ECHO.>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 tone.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 www.tonec.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 registeridm.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 www.registeridm.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 secure.registeridm.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 www.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 secure.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 mirror.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 mirror2.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 mirror3.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
IPCONFIG -flushdns
CLS

ส่วนใครขี้เกียจทำ ก็โหลดไฟล์ที่ผมทำไว้ให้ แล้วรันไฟล์ก็จบแล้วครับ ดาวห์โหลดได้ที่นี่

        หวังบทความนี้คงมีประโยชน์กับหลายคนนะครับ วันนี้ต้องลากันไปก่อนนะครับ พบกันใหม่บทความหน้า





วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลบไฟล์ให้กู้คืนไม่ได้ด้วย Eraser

         สวัดดีครับทุกท่าน หลายคนคงมีข้อมูลสำคัญที่ต้องการลบทิ้งให้หายไปเลย ไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้ แต่คุณรู้ไหมว่าการลบไปจาก Recycle Bin ก็ไม่ได้หายไปเลย ยังสามารถที่จะกู้กลับคืนมาได้ (เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วซิครับ) แต่ผมมีโปรแกรมดีๆ ฟรีแวร์อีกด้วย มานำเสนอที่สามารถลบข้อมูลสำคัญของคุณให้หายไปแบบกู้คืนไม่ได้เลย นั่นก็คือ โปรแกรม Eraser

ดาวน์โหลดโปรแกรม Eraser ได้ที่นี่

เมื่อดาวน์โหลดเสร็จก็ติดตั้งตามปกติเหมือนติดตั้งโปรแกรมทั่วไป

วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก

1.คลิกขวาบนไฟล์ที่ต้องการลบแบบกู้คืนไม่ได้ เลือก Eraser>Erase 


2.คลิกที่ปุ่ม Yes เพื่อยอมรับว่าต้องการลบไฟล์ แค่นี้ก็จะลบไฟล์ให้หายไปแบบกู้คืนไม่ได้แล้วแหละครับ

ใช้งานง่ายๆ ไม่ยากเลยใช้ไหมครับ ลองนำไปใช้งานดูนะครับ ข้อมูลสำคัญของคุณจะได้ไม่รั่วไหลไปอยู่ในมือคนที่ไม่กวังดี พบกันใหม่บทความหน้านะครับ

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลบไฟล์ หรือโฟล์เดอร์ที่ถูกบล็อกง่ายๆ ด้วย LockHunter

      คุณคงเจอไฟล์หรือโฟล์เดอร์ที่ไม่สามารถกดลบได้ ซึ่งก็อาจมาจากสาเหตุไวรัส ภัยคุกคามอื่นๆ หรือบางสิ่งบางอย่างกำลังเทคโอเวอร์ไฟล์ หรือโฟล์เดอร์นั้นอยู่ คุณสามารถใช้ LockHunter ในการปลดล็อกไฟล์ หรือโฟล์เดอร์ให้สามารถลบออกได้

ดาวน์โหลด LockHunter ฟรี ได้ที่นี่

1.ติดตั้งโปรแกรม LockHunter ตามปกติเหมือนติกตั้งโปรแกรมทั่วไป

2.เมื่อเจอไฟล์ หรือโฟล์เดอร์ที่ถูกบล็อกให้คลิกขวาที่ไฟล์ หรือโฟล์เดอร์นั้น เลือก What is locking this file?

3.จะปรากกฏหน้าต่างไดอะล็อกของ LockHunter ในส่วนของ What processes are locking this file? จะแสดงรายละเอียดของโปรเซส หรือไวรัส และภัยคุมคามต่างๆ ที่กำลังล็อกไฟล์หรือโฟล์เดอร์นั้นอยู่ ให้ทำให้การคลิกปุ่ม Delete It เพื่อลบไฟล์ที่ติดเชื้อออก (ในที่นี่ไฟล์ไม่ได้ถูกล็อกจึงขึ้นเป็นวงกลมสีเขียวลูกศรสีขาว)


วันนี้ต้องขอลากันไปก่อนนะครับ มีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมานะที่นี่ด้วยนะครับ หรือมีข้อติชมอะไรก็ติชมกันมาได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังเสมอ พอกันใหม่ในบทความหน้านะครับ บายๆ





วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

facebook สมัครยาก เข้ามาทางนี่

           สวัดดีครับทุกคน วันนี้มีทิปเทคนิคมานำเสนอสำหรับที่สมัคร facebook ไม่ได้ เดี๋ยวนี้หลายคนคงเจอปัญหาสมัคร facebook ยากเหลือเกิน เพราะตอนนี้ทาง facebook ได้เข้มงวดมากขึ้น ในการป้องกันบอทมาสมัครสมาชิก จึงทำให้ตอนนี้ facebook สมัครยาก 


ผมมีวิธีทำให้สมัครผ่านและง่ายมากด้วยมาดูกัน
1.อีเมล์ที่ใช้ควรตั้งชื่อที่เป็นชื่อ-นามสกุลของเรา(ภาษาอังกฤษนะ) ไม่ใช่ตั้งเท่ๆ เช่น freestyle starstyle ถ้าตั้งชื่อเท่ๆ ยังเนี่ยมีโอกาสสมัคร facebook ผ่านได้น้อย  อย่าให้สั้นเกิน 
2.เอาอีเมล์ที่ตั้งเป็นชื่อ-นามสกุลของเรา มาสมัคร facebook และชื่อ-นามสกุลที่ใช้สมัคร facebook ก็ใช้ชื่อ-นามสกุลเดียวกันที่ตั้งชื่ออีเมล์ หรือใช้ชื่อ-นามสกุลอื่นที่เป็นชื่อคน ไม่ใช่ตั้งเท่ๆ หรือสั้นเกินไป เพราะมีโอกาสสมัคร facebook ผ่านได้น้อย
3.ตอนขั้นตอนค้นหาเพื่อนจากอีเมล์ หรือเพิ่มจากข้อมูลที่เราได้ทำการกรอกไป พยามยามอย่าเพิ่มเพื่อนเยอะ ให้มาเพิ่มเพื่อนทีหลังที่เข้ามาในหน้า facebook แล้ว
4.ยืนยันการสมัครสมาชิกในอีเมล์

           ลองนำไปใช้ดูนะครับ แค่ก็สามารถสมัครเล่น facebook ได้อย่างง่ายดาย ติชมกันมาได้เลยนะครับ ใครมีคำถามอะไร ก็ถามมาได้เลยนะครับ ยินดีตอบทุกคำถาม วันนี้ต้องลากันไปก่อนนะครับ

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มาสร้าง Shorcut เรียกใช้งาน Device Manager กันดีกว่า

      วันนี้มีทิปเด็ดมานำเสนอ เป็นทราบกันนะครับว่า ถ้าเราต้องการตรวจสอบดูฮาร์ดแวร์ ไดร์เวอร์อุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่อง ก็ต้องเรียกใช้จากโปรแกรม Device Manager
      ซึ่งถ้าสามารถสร้าง Shorcut เรียกใช้งานโปรแกรม Device Manager ได้เลย ก็จะเป็นอะไรที่สะดวกและรวดเร็วมาก

มาวิธีการสร้าง Shorcut เรียกใช้งานโปรแกรม Device Manage กันดีกว่าครับ


คลิกขวาที่หน้าเดสท็อปเลือก New > Shorcut จะขึ้นหน้าต่างให้สร้าง Shorcut
ให้พิมพ์คำสั่ง mmc devmgmt.msc เข้าไปในช่อง Type the location of the item แล้วคลิก Next
แล้วตั้งชื่อ Shortcut ตามต้องการ แล้วกดปุ่ม Finish แค่นี้ก็ได้ Shorcut Device Manage สำหรับเรียนใช้งานโปรแกรม ได้อย่างรวดเร็ว Device Manager

วิธีดูรายละเอียดการบูต สำหรับคนติดตั้งหลาย OS

         สวัดดีครับ วันนี้มีทิปการดูรายละเอียดการบูตสำหรับคนที่ติดตั้งหลายระบบปฏิบัติการ (Dual-boot) อาจใช้เพื่อจุดประสงค์ในการทดสอบการทำงานของแต่ละระบบปฏิบัติ หรือลงระบบปฏิบัติตัวเก่าเพื่อเอาไว้รันโปรแกรมเก่าที่รันในระบบปฏิบัติการใหม่ไม่ได้ หรือเพื่อจุดประสงค์อะไรก็แล้วแต่

 
          สามารถดูรายละเอียดการบูตว่าติดตั้งระบบปฏิบัติการไว้กี่ตัว เก็บไว้ที่ใด ไดร์ฟบ้าง โดยการเรียกใช้งาน Command Prompt ด้วยโหมด Run as administrator ในหน้าต่าง Command Prompt ให้พิมพ์คำสั่ง bcdedit /enum จะแสดงรายละเอียดให้ดูเหมือนในรูปตัวอย่างด้านบน(ในรูปตัวอย่างลงแค่ระบบปฏิบัติการเดียว จึงแสดงรายละเอียดแค่ระบบปฏิบัติเดียว)

           วันนี้ต้องลากันไปก่อนนะครับผมในบทความหน้า อย่าลืมติดตาม บทความ ทิป เทคนิด ข่าวสาร เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้ที่บล็อกนี้นะครับ

                                    

มีข่าวลือออกมาว่า iPhone รุ่นต่อไปของ Apple จะใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว

                               เป็นภาพคอนเซ็นต์ iPhone 6 ที่มีคนดีไซน์ให้เห็นกัน

สตีฟ จอบส์ เคยบอกเอาใว้ว่า Apple วิจัยมาแล้วว่าขนาดของ iPhone เหมะสมที่สุดในการหยิบจับ
แต่สถานการณ์ตอนนี้ iPhone 5S ผู้ใช้เริ่มรู้สึกเบือๆ ที่ทาง Apple ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาออกมาเลย โดยทางฝั่งผู้ถือหุ้นก็เร่งให้ซีอีโอคนใหม่ของ Apple เร่งทำผลงานมากว่านี้หน่อย หรือนี่คือจุดที่ Apple ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ออกสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอใหญ่กว้างที่ทำออกมา

อ้างอิง : http://www.i3.in.th/

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตรวจสอบอุปกรณ์ USB ว่ากินไฟแค่ไหน

      อุปกรณ์ USB ต่างๆ มากมาย ที่เราเชื่อมต่อเพื่อใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ กล้องเว็บแคม ฮาร์ดดิสก์ External เราสามารถตรวจสอบได้ว่าแต่ละอุปกรณ์กินไฟเท่าไร เพราะแต่ละอุปกรณ์กินไฟไม่เท่ากัน

มาดูวิธีตรวจสอบการกินไฟของอุปกรณ์ USB ดีกว่าครับ

1.เรียกเปิดโปรแกรม Device Manager ขึ้นมา
2.คลิกเลือกรายการ Universal Serial Bus controllers จะปรากฏรายการของ USB Root Hub ตามจำนวนพอร์ต USB ภายในเครื่อง
3.คลิกขวาเลือก USB Root Hub (ตัวใดตัวหนึ่ง)
4.แล้วคลิกเลือก  Properties

5.จะปรากฏหน้าต่าง USB Root Hub Properties ให้คลิกที่แท็บ Power ดูในกรอบ Attached devices จะบอกอุปกรณ์ USB ที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ พร้อมบอกการกินไฟเท่าไรของอุปกรณ์นั้น (ในที่นี่ไม่ได้เชื่อมต่ออุปกรณ์ USB อยู่ จึงไม่ได้บอกว่ากินไฟเท่าไร)


          แค่นี้เราก็สามารถรู้ได้แล้วครับว่าอุปกรณ์ USB ที่เราใช้งานกินไฟเท่าไร ไม่ยากเลยนะครับ
วันนี้ก็คงต้องลากันไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ อย่าติดตามบทความความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไอที ทิป เทคนิคต่างๆ ที่ผมจะนำมาอัพเดตเรื่อยๆ นะครับ

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หมดปัญหากลัวจำรหัสผ่านไม่ได้ เก็บรหัสผ่านให้ปลอดภัย ด้วย KeePass Password Safe

           สมัยนี้หลายคนต้องมีไอดีสำหรับเข้าต่างๆ หลายๆ เว็บ หลายๆ ไอดี จนจำไม่ได้ จะจดใส่กระดาษก็กลัวจะไม่ปลอดภัย จะจดใส่โน๊ตแพคในคอมพิวเตอร์ก็กลัวไม่ปลอดภัยอีก
           ปัญหานี้จะหมดไปถ้าใช้โปรแกรม KeePass Password Safe ในการเก็บไอดีรหัสผ่านต่างๆ แถมยังเป็นโปรแกรมฟรีแวร์อีกด้วย อันนี้ผมกล้ารับประกันได้เลยว่าปลอดภัย

ดาวน์โหลดโปรแกรม KeePass Password Safe ได้ที่ http://keepass.info/
เมื่อดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อย ก็ติดตั้งโปรแกรมตามปกติเหมือนโปรแกรมทั่วไป

มาดูวิธีการใช้งานโปรแกรม KeePass Password Safe ในการเก็บไอดีรหัสผ่านต่างๆ

1.เปิดโปรแกรม KeePass Password Safe ขึ้นมา

 2.คลิกที่ปุ่มรูปกระดาษตามภาพด้านบน (หรือกดคีย์ลัด Ctrl+N)

 3.เลือกตำแหน่งที่ต้องการเก็บไฟล์ฐานข้อมูลรหัสผ่านของคุณ
4.แก้ไขชื่อไฟล์ฐานข้อมูลหรัสผ่านได้ตามต้องการ (แต่อย่าลบ .kdbx ออก) ในที่นี้ไม่ขอแก้ใช้ชื่อ NewDatabase ไปเลย
5.คลิกที่ปุ่ม Save เพื่อไฟล์ฐานข้อมูลรหัสในตำแหน่งที่คุณเลือก

6.กำหนดรหัสผ่านเพื่อเป็นรหัสเข้าไปดูไอดีรหัสผ่านทั้งหมด กำหนดในช่อง Master password และใส่รหัสซ้ำอีกทีในช่อง Repeat password
7.คลิกปุ่ม OK

8.จะขึ้นหน้าต่างให้เราตั้งการเก็บรหัสผ่านของฐานข้อมูลนี้ ในที่นี้ไม่ขอตั้ง ใช้ค่าดีฟอลด์ คลิกที่ปุ่ม OK

9.คลิกเลือกประเภทไอดีรหัสผ่านที่ต้องการเก็บ
10.คลิกที่รูปกุญแจ


 - ช่อง Title: สำหรับใส่ชื่อที่สื่อให้รู้ว่าเป็นไอดีของอะไร
- ช่อง User name: ใส่ไอดี
- ช่อง Password: ใส่รหัสผ่าน
- ช่อง Repeat: ใส่รหัสผ่านซ้ำอีกที
- ช่อง Quality: แถบสีบอกความปลอดภัยของรหัสผ่าน
- ช่อง URL: ใส่ลิ้งของเว็บที่รหัสนี้เป็นสมาชิกอยู่
- ช่อง Notes: = ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับรหัสผ่าน

11.เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่ม OK เพิ่มรหัสผ่านอื่นๆตามต้องการโดยทำตามขั้นตอนที่ 9-11

12.เมื่อออกจากโปรแกรม จะขึ้นให้เรา Save เราก็ทำการคลิกที่ปุ่ม Save

การเปิดโปรแกรม KeePass Password Safe เพื่อเข้ามาดูรหัสผ่าน

1.เปิดโปรแกรม KeePass Password Safe ขึ้นมา

 2.จะขึ้นหน้าต่างให้ใส่รหัสผ่านสำหรับเข้าไปดูไอดีทั้งหมด (รหัสตอนที่ตั้งตอนสร้างไฟล์ฐานข้อมูลรหัสผ่านอะครับ)
3.คลิกปุ่ม OK

ก็จะขึ้นไอดีต่างๆ ที่เราได้ทำการบันทึกไว้ เราสามารถดับเบิ้ลคลิกเลือกดูไอดีรหัสผ่านได้ตามต้องการ

ต้องลากันไปก่อน เจอกันใหม่ในบทความหน้า หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
แสดงความคิดเห็น ติชมกันมาได้เลยนะครับ ผมจะนำมาปรับปรุงบทความให้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ

แบ่งไฟล์เป็นท่อนๆด้วย winrar ไปอัพโหลดแจกเพื่อน


           คุณคงเจอปัญหาที่ว่าจะอัพไฟล์ไปแจกให้เพื่อนโหลด แต่เว็บอัพโหลดนั้นจำกัดขนาดไฟล์ในการอัพโหลด แต่ดันไฟล์ที่คุณจะอัพมีขนาดใหญ่เกินที่เว็บอัพโหลดกำจัดไว้
วิธีที่จะแก้ปัญหานี้ได้ ก็ต้องแบ่งไฟล์เป็นท่อนๆๆ เป็น พาสๆๆๆ แล้วคนที่ดาวน์โหลดไปก็ให้ดาวน์โหลดไปให้ครบทุกไฟล์ แล้วแตกไฟล์รวมกัน มันก็จะกลับมาเป็นไฟล์เดิมเหมือนต้นฉบับที่เราทำการแบ่งไฟล์
 
โปรแกรมที่ผมจะแนะนำวิธีการแบ่งไฟล์ในบทความนี้คือ โปรแกรม winrar เอาแหละครับ มาแบ่งไฟล์เป็นท่อนๆด้วย winrar กันดีกว่า

 
1.เตรียมไฟล์ที่ต้องการแบ่งเป็นท่อนๆๆๆแล้วสร้างโฟล์เดอร์ ตั้งชื่อให้เรียบร้อย
2.เครื่องที่จะทำการแบ่งไฟล์ต้องลงโปรแกรม winrar ให้เรียบร้อย แล้วคลิกขวาที่โฟล์เดอร์นั้น เลือก Add to Archive…
3.หน้าต่างโปรแกรม winrar จะแสดงขึ้นมา ในช่อง Archive name ก็คือชื่อไฟล์ที่จะทำการแบ่งไฟล์(ชื่อไฟล์จะเป็นชื่อตามชื่อโฟล์เดอร์ที่ตั้งไว้ตอนต้น แต่ถ้าอยากจะเปลี่ยนชื่อไฟล์ก็เปลี่ยนในช่องนั้นได้เลย จุดสำคัญก็คือ ห้ามลบตรง .rar เพราะคือนามสกุลไฟล์)
4.ในช่อง Split to volumes,bytes คือ ขนาดไฟล์ที่ต้องการจะแบ่ง ก็จะมีให้เลือก (แต่ถ้าไม่มีขนาดไฟล์ที่ต้องการ ก็สามารถใส่ขนาดไฟล์ที่ต้องการไปในช่องได้เลย วิธีใส่ขนาดไฟล์นั้นอาจจะงงๆๆหน่อย เช่น อย่างจะแบ่งเป็น 5 เมกะไบต์ ก็ต้องใส่ 5000000 ลงไป เป็นต้น ใส่ขนาดไฟล์ให้ถูกด้วยนะครับ)
6.เสร็จแล้วคลิกปุ่ม OK เพื่อเริ่มทำการแบ่งไฟล์คับ
แบ่งไฟล์เสร็จแล้ว ก็นำไปอัพโหลดแจกเพื่อนได้เลย มันจะแบ่งเป็นพาสๆๆ ให้คับ
 
หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆๆในหลายๆคน ต้องลากันไปก่อน อย่าลืมติดตามบทความคอมพิวเตอร์ ไอที tipดีๆๆ ใหม่ๆๆ ที่ผมจะนำมาให้อ่านเรื่อยๆๆ ด้วยนะคับ

8 คีย์ลัด ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น



คีย์ลัดที่ผมจะแนะนำในบทความนี้ คือ คีย์ลัดที่บางคนอาจจะทราบดีและใช้งานอยู่บ่อยๆ แต่เชื่อเถอะว่ายังมีบางคนที่ยังไม่รู้ ผมถึงอยากจะแนะนำ เพราะมันจะทำให้ชีวิตคุณง่ายขี้นเยอะ มาดูกันเลยดีกว่า
 
1.ปุ่ม Ctrl+A คือ การเลือกทั้งหมด
2.ปุ่ม Ctrl+C คือ การคัดลอก
3.ปุ่ม Ctrl+V คือ การวาง
4.ปุ่ม Alt+F4 คือ การปิดโปรแกรม / ปิด windows
5.ปุ่ม Delete คือ การลบไฟล์ที่ต้องการ(ไฟล์ที่ลบจะไปอยู่ในถังขยะ)
6.ปุ่ม Shift+Delete คือ การลบไฟล์ที่ต้องการแบบถาวร(จะไม่มีอยู่ในถังขยะ)
7.ปุ่ม windows+D คือ การพับทุกหน้าต่างโปรแกรมที่เปิดอยู่(ไม่ต้องมากดพับทีละอัน ในกรณีต้องการพับทุกอัน)
8.ปุ่ม window+E คือ การเปิด windows Explorer
 
หวังว่าคงเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตของเพื่อนๆๆ ได้เยอะ ติชม ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้ได้เลยนะครับ